นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Eastern Finland ได้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของโคลน Mahlaneva aapa ในเขตเทศบาล Kurikka ทางตะวันตกของฟินแลนด์ โดยใช้การสุ่มตัวอย่างภาคสนามซ้ำ อนุกรมเวลาของภาพถ่ายทางอากาศ และการถ่ายภาพด้วยโดรน

Tiina Kolari นักวิจัยในระยะเริ่มแรกจากมหาวิทยาลัย Eastern Finland กล่าวว่า"พื้นที่ของเฟนเปียกลดลงอย่างน่าทึ่ง 46% และมอส Sphagnumส่วนใหญ่ได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2490

ในการศึกษานี้ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารEcosystemsนักวิจัยยังได้ทดสอบความเหมาะสมของข้อมูลดาวเทียม Landsat ในการตรวจจับการเปลี่ยนแปลง รวมถึงแถบสเปกตรัมและดัชนีต่างๆ

"แนวโน้มของการสะท้อนแสงใกล้อินฟราเรดที่เพิ่มขึ้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุดของการเพิ่มขึ้นของSphagnumนี่เป็นเพราะความสามารถของน้ำในการดูดซับรังสีอินฟราเรดใกล้ในขณะที่พืชมีการสะท้อนแสงสูงของรังสีอินฟราเรดใกล้" Early Stage กล่าว นักวิจัย Antti Sallinen จากมหาวิทยาลัย Eastern Finland

ทีมวิจัยกำลังใช้สัญญาณอินฟราเรดใกล้ Landsat สำหรับตัวอย่าง aapa mire ของฟินแลนด์โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์ (UNSW; ซิดนีย์, ออสเตรเลีย) และ International Union for Conservation of Nature (IUCN)

การศึกษาที่ตีพิมพ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ยืนยันว่าการเปลี่ยนจาก aapa mire ไปเป็นบึงSphagnum ที่ครอบงำสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษ การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพและคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องจาก aapa mires เป็นส่วนสำคัญของภูมิทัศน์ทางตอนเหนือ ในทางกลับกัน การเพิ่มขึ้นของSphagnum mosses จะเพิ่มการกักเก็บคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซมีเทน

งานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ SHIFTMIRE ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจาก Academy of Finland ซึ่งสำรวจการเปลี่ยนแปลงล่าสุดและการคาดการณ์ในอนาคตของ aapa mires โดยใช้การสำรวจระยะไกลและการสร้างแบบจำลอง นอกเหนือจากวิธีการสำรวจทางนิเวศวิทยา